วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ยารักษาโรคหูดหงอนไก่ วิธีป้องกัน สาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ ราคา 240 บาท

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท


โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก

-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ


ตอนนี้เพจเก่ามีปัญหา หรือติดต่อได้ทางเพจใหม่ได้เลย รบกวนลูกค้า สั่งซื้อยาทาง ไลน์ได้เลย



https://www.facebook.com/ID.ald.21/
สนใจสอบถามและสั่งซื้อยา  ID:ald.21

วิธีรักษาโรคหูดหงอนไก่:วิธีใช้ยาทาหูด

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท


โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก
-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ




สนใจสอบถามและสั่งซื้อยา ID:ald.21

ยารักษาโรคหูดหงอนไก่ วิธีป้องกัน สาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ ราคา 240 บาท

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท


โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง
  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)
  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป
  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย
  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา

ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 

สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ

หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก
ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
         ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่ม              โอกาสการเกิดผลข้างเคียง
         ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ


เพจเก่ามีปัญหา เพจใหม่ตามลิงค์ข้างล่างเลย รบกวนลูกค้า สั่งซื้อยาทาง ไลน์ได้เลย

สนใจสอบถามและสั่งซื้อยา  ID:ald.21

ยารักษาโรคหูดหงอนไก่ วิธีป้องกัน สาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ ราคา 240 บาท

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท


โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก
-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ

ตอนนี้เพจมีปัญหาติดต่อสั่งซื้อยาได้ทางไลน์ได้เลย ID:ald.21



สนใจสอบถามและสั่งซื้อยา ID:ald.21

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วิธีการทำความสะอาด น้องหนู เพื่อความมั่นใจในการห่างจากโรคต่างๆๆ

วิธีดูแล ทำความสะอาด น้องหนู และน้องชาย ของเราอย่างถูกวิธี


1. เมื่ออาบน้ำ เราควรจะล้าง ทำความสะอาด ส่วนนั้นด้วยการใช้สบู่ที่ใช้ถูตัว หรือสบู่อ่อนๆ โดยเริ่มจากขนบริเวณอวัยวะเพศ แล้วลงมาใต้หัวหน่าว ล้างทุกซอกมุมตรงที่แคบใหญ่แยกออกจากกัน แต่ไม่ต้องล้วงเข้าไปในช่องคลอดนะคะ เพราะจะอันตรายได้ค่ะ และห้ามทาแป้งที่ก้นเด็ดขาด เพราะเมื่อแป้งถูกความชื้นจะทำให้เป็นเชื้อราได้ง่าย และน้ำหอมที่อยู่ในแป้งอาจทำให้ผิวอวัยวะเพศซึ่งอ่อนมากๆ เกิดอาการแพ้ได้ค่ะ
2. การ ทำความสะอาด หลังปัสสาวะและหลังอุจจาระ หลังปัสสาวะนั้น สามารถใช้กระดาษชำระซับให้แห้งก็เพียงพอค่ะแม้จะมีประจำเดือนอยู่ก็ตาม หรือถ้ามีฝักบัวฉีดน้ำเบาๆ แล้วซับให้แห้งก็ได้ค่ะ หากอุจจาระควรแยกทำความสะอาด อย่าเช็ดจากทวารหนักมาหาอวัยวะเพศนะคะ เพราะจะทำให้เชื้อโรคจากอุจจาระเข้าไปในช่องคลอด ทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดได้ค่ะ หากมีฝักบัวให้ฉีดน้ำเบาๆ ล้างให้สะอาดแล้วซับให้แห้งเช่นกันค่ะ
3. ขณะที่ มีประจำเดือน ควรหาโอกาสล้างก้นให้สะอาดทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอนามัยหรืออุจจาระนะคะ
4. หลังการ มีเพศสัมพันธ์ ให้เข้าห้องน้ำปัสสาวะออกมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อผ่านเข้าช่องถ่ายปัสสาวะ และเป็นการให้น้ำอสุจิหรือสารคัดหลั่งในช่องคลอดได้ไหลออกมา จากนั้นล้างภายนอกให้สะอาดแล้วซับให้แห้งค่ะ ไม่ต้องใช้น้ำยาสวนล้างเข้าไปในช่องคลอดนะคะ
ข้อควรระวัง
1. การใช้เครื่องมือสวนล้างเข้าไปในช่องคลอดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อโรคได้ และยังไปฆ่าแบคทีเรียที่มีอยู่ตามปกติในช่องคลอดซึ่งมันจะคอยต่อต้านเชื้อโรคจากภายนอกให้เรา จึงทำให้ติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่าย และถ้าหากแพทย์ไม่ได้สั่ง ไม่ควรใช้ยาใดๆ สอดเข้าไปในช่องคลอดเองนะคะ เพราะอาจดื้อยาได้ค่ะ
2. การเข้าห้องน้ำสาธารณะ หากมีฝักบัวฉีดน้ำควรระวังการติดเชื้อโรคจากฝักบัวที่ไม่สะอาดค่ะ เพราะคนที่เข้าห้องน้ำก่อนหน้าเราจะมีเชื้อโรคอะไรแฝงอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้ ควรฉีดน้ำทิ้งไปก่อนเล็กน้อย และควรฉีดให้ฝักบัวอยู่ห่างจากอวัยวะของเราพอประมาณ อย่าให้อยนู่ติดเกินไปค่ะ หรือใช้แค่กระดาษชำระสะอาดๆ ซับแห้งก็พอค่ะ
การทำความสะอาดอวัยวะเพศชาย
การดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศชายก็มีความสำคัญมากเท่าเทียมกับการดูแลสุขอนามัยของร่างกายโดยทั่วๆ ไป เพราะความสะอาดของอวัยวะส่วนนั้นย่อมเป็นการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองและผู้หญิงคนที่เขารัก
ผู้ชายที่ขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะจะสะอาดมากกว่าผู้ชายที่ไม่ได้ขริบหนังหุ้มปลายไม่มากก็น้อย แต่ผู้ชายที่ไม่ได้ขริบหนังหุ้มปลายและรักษาความสะอาดเป็นประจำสม่ำเสมอก็มีความสะอาดของอวัยวะส่วนนั้นเท่าเทียมกับผู้ชายที่ขริบหนังหุ้มปลายเช่นกัน
 การทำความสะอาดประจำวัน
- ทุกครั้งที่อาบน้ำจะต้องปลิ้นหนังหุ้มปลายออกมา แล้วทำความสะอาดชำระคราบไคลที่หมักหมมอยู่ภายใต้หนังหุ้มปลายออก คราบไคลดังกล่าวมีคำเรียกหาว่า " ขี้เปียก " เพราะเป็นขี้ไคลที่เปียกๆ และเป็นปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้
ควรชำระล้างด้วยน้ำสะอาดเท่านั้น แต่ถ้าหมักหมม มีกลิ่นอาจจะใช้สบู่อ่อนๆ ด้วยก็ได้ หลังฟอกสบู่ควรล้างออกด้วยน้ำสะอาดจนหมด- ทุกครั้งที่ถ่ายปัสสาวะควรถ่ายจนหมด อย่าให้หลงเหลือมาหยดในภายหลังเพราะอาจจะทำให้เกิดการหมักหมมได้ และเชิ้อแบททีเรียเจริญเติบโต
- ในกรณีที่ใช้เจลหล่อลื่นช่วยในการมีเพศสัมพันธ์ หลังจากเสร็จกิจแล้วควรจะชะล้างเจลหล่อลื่น ออกให้หมดด้วยน้ำสะอาด โดยปกติควรจะใช้เจลหล่อลื่นสูตรน้ำ เพราะทำความสะอาดและล้างออกได้ง่ายด้วยน้ำ ถ้าเป็นเจลหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นพื้นฐานอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
- ถ้ามีการสวมถุงยางอนามัยเพื่อการปลอดภัยของการมีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรจะถอดออกในขณะที่อวัยวะเพศยังคงแข็งตัวอยู่ ด้วยการใช้กระดาษทิชชู่ห่อหุ้มเวลาถอดอย่าให้ถูกมือ เพราะมืออาจมีแผลได้ และควรจะไปชะล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดทันที ซึ่งจะทำให้เจลหล่อลื่นที่เคลือบมากับถุงยางอนามัยหลุดออกไปได้ง่าย
- ถ้าจะให้ดี การทำความสะอาดอวัยวะเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็ย่อมทำให้สะอาดปลอดภัย และทำให้การร่วมรักนั้นมีความสุขสมมากขึ้น

 การทำความสะอาดภายหลังการมีเพสสัมพันธ์
- ทำเช่นเดียวกับการทำความสะอาดประจำวัน
ยารักษาหูดหงอนไก่ ปรึกษาและสั่งซื้อยา
ID:ald.21




วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อาการของโรคหูดหงอนไก่ ยาทาหูดหงอนไก่ หูดที่ขึ้นตามอวัยวะเพศและทวาร วิธีการทายา

โรคหูดหงอนไก่ เป็นติ่งเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ ติ่งจะมีสีชมพู-แดงถ้าเกิดขึ้นมากๆ ในบริเวณเดียวกันจะดูมีสีแดงคล้ายหงอนไก่ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่มักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กัน จุดที่มักจะเกิดหูดหงอนไก่ก็คือบริเวณคอคอดที่อวัยวะเพศชายและแถวๆทวารหนัก ส่วนหูดหงอนไก่ที่เกิดในผู้หญิงจะเกิดบริเวณปากมดลูกหรือแถวๆแคมช่องคลอด

เชื้อไวรัสเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่
    จะเป็นการติดเชื้อที่หนังกำพร้าที่จะไม่แสดงอาการออกมาแต่ถ้าบริเวณติ่งเกิดการฉีกขาดอาจติดเชื้อแบคทีเรียและเป็นหนองได้ ติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นถ้ามีหลายๆติ่งอยู่ใกล้ๆกันจะดูเหมือนหงอนไก่ที่มีสีแดงสด ลักษณะของหูดหงอนไก่จะเป็นตุ่มบานออกคล้ายดอกกะหล่ำมีสีชมพูหรือแดงถ้าติ่งเนื้อถูกเสียดสีหรือกระทบแรงๆอาจทำให้เลือดออกและติดเชื้อจนเกิดการอักเสบได้ ในกลุ่มชายรักร่วมเพศมักเกิดหูดหงอนไก่รอบๆบริเวณที่ได้รับการเสียดสีบ่อยๆเช่นรอบทวารหนักแต่โดยทั่วไปหูดหงอนไก่จะเป็นตุ่มสีชมพูงอกบานอยู่ด้านในของหนังหุ้มปลายองคชาติ ส่วนในผู้หญิงมักจะเกิดบริเวณปากช่องคลอดและปากมดลูก ลักษณะของหูดจะแบนราบและเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่แบบที่ขึ้นเป็นกลุ่มก็มี มักเป็นตุ่มหลายๆตุ่มเกิดขึ้นพร้อมกันและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ส่วนหูดหงอนไก่ที่เป็นแบบก้อนใหญ่ก็มี อาจเรียกว่า “หูดยักษ์” เพราะหูดประเภทนี้จะโตเร็วมากจนอาจปกคลุมอวัยวะเพศได้ สาเหตุที่ทำให้หูดประเภทนี้โตเร็วเพราะได้รับการติดเชื้อมาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ความสกปรก ตกขาว เป็นต้น


วิธีการรักษา
-การจี้
-การผ่าตัด
- การทายา ซึ่งการทายา ของเรามียาตัวนี้ขาย ซึงได้รับการยอมรับว่า เป็นยารักษาหูดหงอนไก่
เป็นยาทา สามารถทาเองที่บ้านได้ ราคาซองล่ะ 240 บาท ems30 บาท จัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์ 

ปรึกษาและสั่งซื้อยา

 ID:ald.21
https://www.facebook.com/ID.ald.21/








วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โรคหูดหงอนไก่ / สาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่/วิธีใช้ยา/วิธีการรักษา


    หูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ยังคงพบได้มากในปัจจุบันถึงแม้จะมีการรณรงค์การป้องกันดีอย่างไรก็ตาม  เนื่องจากลักษณะนิสัยของไวรัสต้นเหตุที่เรียกว่าฮิวแมน แปปิโลมาไวรัส (เอชพีวี)ที่ถ่ายทอดถึงกันได้ง่ายโดยผู้ที่ให้เชื้ออาจจะไม่มีอาการอะไรเลย  และผู้รับเชื้ออาจได้รับเชื้อนั้นมานานหลายปีกว่าจะเกิดอาการ  ในปัจจุบันพบว่าหญิงชายวัยเจริญพันธุ์ร้อยละ 1 มีหูดหงอนไก่  โดยจะพบรอยโรคในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย  หูดหงอนไก่ไม่ได้ทำให้ใครเสียชีวิต  แต่ทำลายความมั่นใจในชีวิตอย่างมาก รวมทั้งต้องเสียเงินและเวลาในการรักษามากมาย  แต่สุดท้ายกลับพบว่า ร้อยละ 30- 70 เกิดซ้ำหลังจากหยุดการรักษาไป 6 เดือน
หูดหงอนไก่เกิดจากอะไร
            หูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีชนิดความเสี่ยงต่ำ  ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสเอชพีวีกว่า 200 สายพันธุ์  แต่มีเพียง 40 สายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก  แบ่งเพิ่มเติมลงไปอีกเป็นชนิดความเสี่ยงสูงซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง  ได้แก่ สายพันธุ์ 16, 18 เป็นต้น  และ ชนิดความเสี่ยงต่ำซึ่งไม่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง ได้แก่ 6, 11 เป็นต้น ในกลุ่มหลังนี้สัมพันธ์กับการเกิดหูดหงอนไก่
            ไม่ใช่ทุกคนที่ติดเชื้อเอชพีวีจะต้องเป็นโรคใดโรคหนึ่ง  พบว่าร้อยละ 75 ของหญิงชายวัยเจริญพันธุ์ได้รับเชื้อนี้ไปแล้ว  แต่ประมาณร้อยละ 80-90  จะสามารถกำจัดเชื้อไปได้เองที่ 2 ปี   ยกเว้นผู้ที่มีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ เช่น การตั้งครรภ์  โรคเอดส์ เป็นต้น  จะเห็นได้ว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เกิดรอยโรคได้  อย่างไรก็ดี ผู้ที่ไม่มีอาการใดเลยก็สามารถถ่ายทอดเชื้อไปให้ผู้อื่นได้
            ตั้งแต่รับเชื้อมาจนเกิดอาการเป็นได้ตั้งแต่ 1 เดือน  2 ปี หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 เดือน  เชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปรบกวนการแบ่งตัวของเซลล์ชั้นล่างสุดของเยื่อบุ ซึ่งมีการแบ่งตัวตลอดเวลาเพื่อซ่อมแซมชั้นที่เหนือขึ้นไป  เมื่อมีการติดเชื้อไวรัส  เซลล์ที่แบ่งตัวจะเปลี่ยนรูปร่างและหน้าที่จนควบคุมไม่ได้  เกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมา

อะไรคือลักษณะของหูดหงอนไก่

            อาการของโรคหูดหงอนไก่เป็นได้ตั้งแต่ ไม่มีอาการเลย  ไปจนถึงมีก้อนโตมากจนอุดกั้นช่องคลอด  ทวารหนัก  หรือท่อปัสสาวะ  บางรายมีเลือดออกจากก้อน  คันถึงคันมาก ตกขาวผิดปกติ  หรือแม้แต่แสบร้อนที่อวัยวะเพศ
     การวินิจฉัยมักทำได้โดยการดูรอยโรค  ซึ่งเป็น 4 แบบ  ได้แก่ นูนยื่นออกมาคล้ายดอกกะหล่ำปลี,  ตุ่มนูนเล็กๆ  แห้งๆ คล้ายมีขี้ไคลคลุม, ตุ่มนูนแบน, และ ตุ่มนูนเล็กสีเนื้อชุ่มชื้น   บางคนมีหลายชนิดปนกันได้  หูดอาจมีขนาดแตกต่างกัน  เรียงตัวติดกันหรือกระจายไปทั่ว  อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ของผู้ที่ติดเชื้อเอชพีวีกลับไม่พบว่ามีรอยโรคเลย 
รอยโรคที่หลากหลายนี้ทำให้เกิดความสับสนกับโรคอื่นๆได้ ได้แก่ ผื่นของโรคซิฟิลิสระยะที่ 2  หูดข้าวสุก  ไฝ  โรคผิวหนังบางชนิด  จนถึงลักษณะปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ของบางคนที่มีติ่งยื่นออกมาคล้ายหูดหงอนไก่

การรักษาโรคหูดหงอนไก่
            เป้าหมายของการรักษาคือ ความสวยงาม  บรรเทาอาการ  และลดความกังวลใจ  วิธีการรักษามีให้เลือกหลายรูปแบบทั้ง การใช้ยาหรือการใช้อุปกรณ์เพื่อกำจัดหูดออกไป  แพทย์เป็นผู้ทำให้หรือผู้ป่วยทำเอง  ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกวิธีการรักษา ได้แก่ ความชอบของผู้ป่วย  ราคา  ผลข้างเคียงของการรักษา  และประสบการณ์ของแพทย์  โดยทั่วไปหูดที่มีขนาดเล็กกว่าย่อมรักษาได้ง่ายกว่า  โดยพบว่าถ้าขนาดเล็กกว่า 1 ตารางเซนติเมตรมักรักษาด้วยยาสำเร็จ  ประสิทธิภาพของวิธีการรักษาแตกต่างกันไปและมีโอกาสเกิดซ้ำขึ้นได้อีกทุกวิธี  โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรกหลังสิ้นสุดการรักษา
            การรักษาด้วยยาชนิดที่แพทย์ทาให้  โดยแพทย์มักจะนัดทุก 1 สัปดาห์  โดยก่อนทายาทุกครั้งผู้ป่วยควรปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเสมอเพราะหลังจากทายาแล้วไม่ควรให้รอยทายาโดนน้ำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง  ยามีหลายชนิดให้เลือกใช้  ชนิดแรก คือ โพโดฟีโลทอกซิน (Podophylotoxin) เป็นสารสีเหลืองน้ำตาล  ลักษณะเหนียว  ทำให้เซลล์ตายโดยยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์  ยานี้อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง เป็นแผล และปวด  หากเข้าสู่กระแสเลือดอาจทำให้เส้นประสาทอักเสบ ชาตามตัว เม็ดเลือดขาวต่ำ และ เกล็ดเลือดต่ำ  ยาทาชนิดที่ 2 คือ ไตรคลอโรเซติกแอซิด (80-90% Trichloroacetic acid; TCA)  ออกฤทธิ์โดยทำให้โปรตีนในเซลล์เสื่อมสภาพเป็นเซลล์ตาย  หูดที่มีก้านมักหลุดออกไปภายใน 2-3 วัน  ทำให้เกิดผิวหนังระคายเคือง เป็นแผลเลือดออกได้
            ยาที่ให้ผู้ป่วยทาเองในปัจจุบันมี 2 ชนิด ได้แก่ อิมิควิโมด (5% Imiquimod/ Aldara®) ทา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ไม่เกิน 16 สัปดาห์   ยานี้จะกระตุ้นภูมิต้านทานเฉพาะที่   ให้ร่างกายกำจัดไวรัสเอชพีวีด้วยตัวเอง  ข้อเสียคืออาจทำให้เกิดผื่นแดงเฉพาะที่   และ โพโดฟิลอก (Podofilox 0.5%)   เป็นยาที่ยับยั้งการแบ่งเซลล์  วิธีการใช้คือทาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3วัน แล้วเว้น 4 วัน  แต่ไม่เกิน 4 รอบ  อาจทำให้เกิดระคายเคืองเล็กน้อย  เช่นเดียวกับยาที่แพทย์ทาให้  ก่อนทายาเองทุกครั้งผู้ป่วยควรปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเสมอเพราะหลังจากทายาแล้วไม่ควรให้รอยทายาโดนน้ำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง  (ซึ้งยาตัวนี้ทางเรามีขาย สามารถสั่งซื้อได้ ราคา ซองล่ะ 240 บาท)

หูดหงอนไก่นำไปสู่อะไรได้บ้าง
       หูดหงอนไก่ไม่ทำให้เกิดมะเร็ง  แต่ธรรมชาติของการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีอาจติดเชื้อได้หลายสายพันธุ์พร้อมกัน  หากติดสายพันธุ์ชนิดความเสี่ยงสูงร่วมด้วยก็มีโอกาสที่จะเกิดมะเร็งขึ้น  หูดหงอนไก่ที่ใหญ่ในระหว่างการตั้งครรภ์อาจขัดขวางการคลอดจนต้องผ่าตัดคลอดได้  และหูดหงอนไก่ยังสามารถเกิดที่คอหอย หลอดลม หรือเส้นเสียงของทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นโรคนี้  ทำให้มีผลต่อการหายของทารกจนอาจเสียชีวิตได้  การรักษามักต้องผ่าตัดออกซึ่งมักต้องทำหลายครั้ง  สร้างความทุกข์ทรมานมาก

การเกิดซ้ำของหูดหงอนไก่
            เกิดได้บ่อยถึงร้อยละ 70 ที่ระยะเวลา 6 เดือนหลังสิ้นสุดการรักษา  สาเหตุเป็นได้ตั้งแต่ ยาไม่มีประสิทธิภาพ  การติดเชื้อซ้ำจากคู่นอน  หรือ  การเกิดรอยโรคจากเชื้อในร่างกายตนเองที่เพิ่งก่อให้เกิดรอยโรค

หูดหงอนไก่สามารถป้องกันได้หรือไม่ 
 จะเห็นได้ว่าไม่มีการรักษาวิธีใดดีที่สุดหรือสามารถรับประกันได้ว่าโรคนี้จะหายขาดได้  รวมถึงคู่ชีวิตของผู้ป่วยก็มักจะติดเชื้อเอชพีวีไปเรียบร้อยแล้ว  วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์กับใครเลยตลอดชีวิต  แม้กระนั้นก็ตาม การสัมผัสอย่างรุนแรงที่อวัยวะเพศภายนอกด้วยวัตถุหรืออวัยวะที่มีเชื้อไวรัสเอชพีวีนี้ก็ยังคงสามารถทำให้เกิดโรคนี้ได้
            ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ที่สามารถลดการถ่ายทอดโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้หลายชนิด ตั้งแต่ เอดส์ หนองใน หนองในเทียม พยาธิในช่องคลอด เป็นต้น  แต่ไม่สามารถลดการถ่ายทอดเชื้อไวรัสเอชพีวีได้ดีเพราะ เชื้อนี้สามารถกระจายอยู่ได้ทั่วไป ตั้งแต่รอบทวารหนัก ฝีเย็บ หัวเหน่า เป็นต้น  ซึ่งเป็นบริเวณที่ถุงยางอนามัยไม่ครอบคลุมถึง
---- ราคาซองล่ะ 240 บาท ems 30 บาท -----

ปรึกษาเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อยา ตามลิงค์ข้างล่างได้เลย 
https://www.facebook.com/ID.ald.21/



           



วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ยารักษาหูดหงอนไก่

ตุ่มที่อวัยวะเพศ|อาการของโรคหูดหงอนไก่|วิธีการรักษาของโรคหูดหงอนไก่|ยารักษาโรคหูดหงอนไก่ ราคา240 บาท

อาการเริ่มแรกของการเป็นโรคหูดหงอนไก่

   อาการเริ่มแรก ผิวหนังจะเริ่มเป็นผื่นสีออกน้ำตาลไปทางชมพู เมื่อผื่นมีขนาดใหญ่จะมีสีน้ำตาลผื่นนูนหนาขึ้น จากนั้นจะมีหูดที่มีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ จนถึงก้อนโตจนอุดกั้นช่องคลอด ทวารหนัก หรือท่อปัสสาวะเลยก็ได้ บางรายอาจมีเลือดออกมาจาก้อน คัน มีการตกขาวผิดปกติ รวมทั้งแสบร้อนที่อวัยวะเพศ 
 "หูดหงอนไก่" นั้นก็คือ หูดจะมีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ หรือแบบหงอนที่หัวไก่ชน เป็นติ่งเนื้ออ่อน ๆ สีชมพู บางคนอาจมีตุ่มนูนเล็ก ๆ แห้ง ๆ คล้ายมีขี้ไคลคลุม บางคนอาจเป็นตุ่มนูนแบน และตุ่มนูนเล็ก หรือมีหลายชนิดปนกัน มีขนาดแตกต่างกัน การเรียงตัวอาจติดกัน หรือการกระจายตัวไปทั่ว

ลักษณะของโรคหูดหงอนไก่


  • เป็นตุ่มเนื้อแบนราบผิวเรียบ 
  • ก้อนเนื้อนูนสูงคล้ายหงอนไก่ หรือกระหล่ำ สีชมพู ถ้าอยู่ตรงที่อับชื้นจะมีลักษณะเปื่อยยุ่ย
  • ก้อนเนื้อมีก้านยาว
  • ลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆคล้ายกับมีเม็ดอะไรมาแปะบริเวณอวัยวะเพศ  
  • หูดหงอนไก่บริเวณช่องปาก
  • หรือติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการใดๆ








วิธีการรักษาของโรคหูดหงอนไก่
1. การจี้ด้วยความเย็น 
2. การใช้ไฟฟ้าจี้
3. การขูดเอาเนื้องอกออก Curettage
4. การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออก Surgical excision
5. การใช้ Laser Carbon dioxide laser treatment หรือ การผ่าตัด


6. การใช้ยาทาภายนอก ได้แก่ ซึ้งยาตัวนี้ทางมีขาย เป็นยาทาได้รับความนิยมและรับรองว่าเป็นยารักษาหูดหงอนไก่ ราคาซองล่ะ 240 บาท




 วิธีการรักษาหรือวิธีการทายา

  สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ


ปรึกษาหรือสั่งเพิ่มเติ่ม



https://www.facebook.com/ID.ald.21/