วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

ยารักษาหูดหงอนไก่ Aldara cream 5% | หูดหงอนไก่ ราคาซองล่ะ240 บาท

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท

สาเหตุโรคหูดหงอนไก่ วิธีป้องกัน

โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ

การป้องกันโรคหูดหงอนไก่
 ลักษณะทั่วไป  โรคหูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีลักษณะเป็นติ่งเนื้ออ่อนนุ่มสีชมพู 
มักอยู่เป็นกลุ่ม คล้ายหงอนไก่  มักพบบริเวณที่อับชื้น ในผู้ชายมักพบที่อวัยวะสืบพันธุ์ ส่วนที่อยู่ใต้หนังหุ้มปลาย
ท่อปัสสาวะ และอัณฑะ ในผู้หญิงพบที่ปากช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนักและฝีเย็บ ส่วนในเด็กทารกที่คลอดผ่าน
ช่องคลอดของมารดาที่เป็นโรคหูดหงอนไก่ จะสามารถติดเชื้อจากมารดาได้ 
  สาเหตุ  โรคหูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัสฮิวแมน แปบปิลโลมา                                            การติดต่อ เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากการสัมผัสโดยตรงทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีระยะฟักตัวยาวนานประมาณ 1-6 เดือน
         การควบคุมและป้องกัน  สามารถควบคุมและป้องกันได้ดังนี้
             1.  การป้องกันก่อนการเกิดโรค โดย
                      1.1  หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้เป็นโรคหูดหงอนไก่ พื้นที่และของใช้ที่เปรอะเปื้อน
                      1.2  ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับสุขาภิบาลส่วนบุคคล
             2.  การควบคุมและป้องกันเมื่อเกิดโรค  โดย
                      2.1  คารรีบทำการรักษาโดยเร็ว
               
                      2.2  ไม่ตัดหูดหงอนไก่เอง ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้เป็นโรค
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก

-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ

ตอนนี้เพจเก่ามีปัญหา หรือติดต่อได้ทางเพจใหม่ได้เลย รบกวนลูกค้า สั่งซื้อยาทาง ไลน์ได้เลย

ID:ald.21

วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560


ยาทาหูดหงอนไก่ ยาaldala ราคาซองล่ะ 240 บาท

วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ยาทาหูดหงอนไก่ ยาaldala ราคาซองล่ะ 240 บาท

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท

สาเหตุโรคหูดหงอนไก่ วิธีป้องกัน

โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ

การป้องกันโรคหูดหงอนไก่
 ลักษณะทั่วไป  โรคหูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีลักษณะเป็นติ่งเนื้ออ่อนนุ่มสีชมพู 
มักอยู่เป็นกลุ่ม คล้ายหงอนไก่  มักพบบริเวณที่อับชื้น ในผู้ชายมักพบที่อวัยวะสืบพันธุ์ ส่วนที่อยู่ใต้หนังหุ้มปลาย
ท่อปัสสาวะ และอัณฑะ ในผู้หญิงพบที่ปากช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนักและฝีเย็บ ส่วนในเด็กทารกที่คลอดผ่าน
ช่องคลอดของมารดาที่เป็นโรคหูดหงอนไก่ จะสามารถติดเชื้อจากมารดาได้ 
  สาเหตุ  โรคหูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัสฮิวแมน แปบปิลโลมา                                            การติดต่อ เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากการสัมผัสโดยตรงทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีระยะฟักตัวยาวนานประมาณ 1-6 เดือน
         การควบคุมและป้องกัน  สามารถควบคุมและป้องกันได้ดังนี้
             1.  การป้องกันก่อนการเกิดโรค โดย
                      1.1  หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้เป็นโรคหูดหงอนไก่ พื้นที่และของใช้ที่เปรอะเปื้อน
                      1.2  ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับสุขาภิบาลส่วนบุคคล
             2.  การควบคุมและป้องกันเมื่อเกิดโรค  โดย
                      2.1  คารรีบทำการรักษาโดยเร็ว
                 
                      2.2  ไม่ตัดหูดหงอนไก่เอง ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้เป็นโรค
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก

-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ


ตอนนี้เพจเก่ามีปัญหา หรือติดต่อได้ทางเพจใหม่ได้เลย รบกวนลูกค้า สั่งซื้อยาทาง ไลน์ได้เลย

ID:ald.21

วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

ยาทาหูดหงอนไก่ ยาaldala ราคาซองล่ะ 240 บาท

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท

สาเหตุโรคหูดหงอนไก่ วิธีป้องกัน

โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ

การป้องกันโรคหูดหงอนไก่
 ลักษณะทั่วไป  โรคหูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีลักษณะเป็นติ่งเนื้ออ่อนนุ่มสีชมพู 
มักอยู่เป็นกลุ่ม คล้ายหงอนไก่  มักพบบริเวณที่อับชื้น ในผู้ชายมักพบที่อวัยวะสืบพันธุ์ ส่วนที่อยู่ใต้หนังหุ้มปลาย
ท่อปัสสาวะ และอัณฑะ ในผู้หญิงพบที่ปากช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนักและฝีเย็บ ส่วนในเด็กทารกที่คลอดผ่าน
ช่องคลอดของมารดาที่เป็นโรคหูดหงอนไก่ จะสามารถติดเชื้อจากมารดาได้ 
  สาเหตุ  โรคหูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัสฮิวแมน แปบปิลโลมา                                            การติดต่อ เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากการสัมผัสโดยตรงทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีระยะฟักตัวยาวนานประมาณ 1-6 เดือน
         การควบคุมและป้องกัน  สามารถควบคุมและป้องกันได้ดังนี้
             1.  การป้องกันก่อนการเกิดโรค โดย
                      1.1  หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้เป็นโรคหูดหงอนไก่ พื้นที่และของใช้ที่เปรอะเปื้อน
                      1.2  ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับสุขาภิบาลส่วนบุคคล
             2.  การควบคุมและป้องกันเมื่อเกิดโรค  โดย
                      2.1  คารรีบทำการรักษาโดยเร็ว
                   
                      2.2  ไม่ตัดหูดหงอนไก่เอง ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้เป็นโรค
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก

-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ


ตอนนี้เพจเก่ามีปัญหา หรือติดต่อได้ทางเพจใหม่ได้เลย รบกวนลูกค้า สั่งซื้อยาทาง ไลน์ได้เลย

ID:ald.21

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ยาทาหูดหงอนไก่ ยาaldala ราคาซองล่ะ 240 บาท

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท


โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก

-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ


ตอนนี้เพจเก่ามีปัญหา หรือติดต่อได้ทางเพจใหม่ได้เลย รบกวนลูกค้า สั่งซื้อยาทาง ไลน์ได้เลย

ID:ald.21

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ยารักษาโรคหูดหงอนไก่ วิธีป้องกัน สาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ ราคา 240 บาท

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท


โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก

-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ


ตอนนี้เพจเก่ามีปัญหา หรือติดต่อได้ทางเพจใหม่ได้เลย รบกวนลูกค้า สั่งซื้อยาทาง ไลน์ได้เลย



https://www.facebook.com/ID.ald.21/
สนใจสอบถามและสั่งซื้อยา  ID:ald.21

วิธีรักษาโรคหูดหงอนไก่:วิธีใช้ยาทาหูด

ยารักษาหูดหงอนไก่\วิธีใช้\ราคา 240 บาท


โรคหูดหงอนไก่|วิธีใช้|การรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • อาการที่แสดงออก : คนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดี หลังจากได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายแล้วไปแล้วมักจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา ซึ่งประมาณ 80-90% เชื้อเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดออกไปได้เองภายใน 2 ปี (ยกเว้นในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ) แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่อาจแสดงอาการออกมาให้เห็นหลังรับเชื้อเข้าไปแล้วหลายเดือนหรือหลายปี จนเกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมาอย่างที่เรียกว่า “หูดหงอนไก่” โดยในผู้ชายจะพบหูดหงอนไก่ได้น้อยกว่าในผู้หญิงมาก เนื่องจากลักษณะของผิวหนังที่อวัยวะเพศที่ไม่ค่อยมีซอกหลืบหรือความชุ่มชื้นมากเท่าของผู้หญิง

  • อาการของหูดหงอนไก่ : หลังจากเนื้อเยื่อติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แล้ว ผู้ติดเชื้อนั้นอาจเป็นได้ทั้ง 3 กรณี กล่าวคือ รอยโรคหายไปได้เอง รอยโรคเป็นอยู่เท่าเดิม หรือรอยโรคเป็นมากขึ้น สำหรับรอยโรคที่เกิดหูดหงอนไก่นั้นอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันหรือไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นมากก้อนเนื้อหูดก็จะใหญ่ขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในผู้ชายอาจมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก ส่วนในผู้หญิงอาจมาด้วยอาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีอาการตกขาว หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หูดหงอนไก่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ (ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยเอดส์จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นแบบเรื้อรัง)

  • ลักษณะของหูดหงอนไก่ : หูดจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ ซึ่งจะเริ่มจากรอยโรคเล็ก ๆ แล้วขยายตัวลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ บางชนิดอาจเป็นหูดชนิดแบนราบ มักพบได้ที่บริเวณปากมดลูก (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16), อาจเป็นหูดชนิดกลุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3-4 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นที่เดียวพร้อมกันหลายตุ่มและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16, 18) หรืออาจเป็นหูดก้อนใหญ่ โดยมีลักษณะเป็นหูดที่มีขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด บางคนอาจเรียกหูดชนิดนี้ว่า “หูดยักษ์” (ส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ 16) ลักษณะของรอยโรคจึงมีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป

  • ตำแหน่งที่พบหูดหงอนไก่ : เนื่องจากหูดหงอนไก่จะพบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกายชนิดที่สามารถสร้างเมือกได้ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเมือก” (Mucosa) หูดชนิดนี้จึงชอบขึ้นในบริเวณที่อับชื้นและอุ่น โดยจะพบหูดหงอนไก่ได้ที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นหลัก ส่วนในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจพบได้บ้างก็ได้แก่ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องปาก ลำคอ หลอดลม เป็นต้น ถ้าในผู้ชายมักจะพบขึ้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวขององคชาติ ใต้หนังหุ้มปลาย หรือเส้นสองสลึง ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ และอาจพบขึ้นบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ส่วนในผู้หญิงจะพบขึ้นที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก รวมไปถึงทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ และหากปล่อยไว้ อาจเกิดการลุกลามเข้าไปในท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือตามง่ามขาได้ และในผู้ป่วยรายเดียวกันอาจพบว่าเกิดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งได้ เช่น หากผู้ป่วยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากจะพบรอยโรคได้ที่อวัยวะเพศแล้วยังอาจพบรอยโรคได้ในทวารหนักอีกด้วย

  • สาเหตุการเกิดซ้ำ : เนื่องจากไวรัสเอชพีวีจะไม่ทำให้เซลล์ตายหรือสลายไป รวมทั้งไม่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อจึงมักถูกจำกัดอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุซึ่งไม่เข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง จึงไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายต่อไวรัสได้มากพอที่จะเกิดภูมิต้านทานขึ้นเหมือนโรคอื่น ๆ
วิธีใช้ยาและการรักษา
ยารักษาหูดหงอนไก่ /วิธีใช้ | ราคา 240 บาท 
สำหรับการใช้ยาเพื่อรักษาหูดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก ให้ทายาบางๆ และนวดเบาๆ ก่อนนอน วันเว้นวัน (3 ครั้งต่อสัปดาห์) จนกระทั่งหูดค่อยๆ ยุบหายไป ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 16 สัปดาห์ (หลีกเลี่ยงการทายาในช่องคลอดหรือในทวารหนักเนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางและชุ่มชื้นอาจทำให้เกิดอาการบวมและแสบได้)ทิ้งไว้4-6 ชม.ห้ามโดนน้ำใช้นิ้วแต้มตัวยาบางๆทาได้เลยหรือทาก่อนนอนตื่นมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้สะอาด(อย่ารุนแรงในการทา)ทาก่อนนอนควรเอาวาสลินทาบริเวณรอบๆกันยากัดด้วย ทาเหมือนเต้มสิวบางๆ ต่อหูด 2-3 จุด ขนาดหูดต้องไม่ใหญ่เกินหัวไม้ขีดไฟ 3-4 อาทิตย์ก็ยุบ พอหูดยุบต้องทาซ้ำที่เก่าทาแบบป้องกัน แต่ทา 4-5 วันครั้ง เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน อีกสักระยะ 2-3 เดือน โอกาสกลับมาเป็นอีกแทบจะไม่มีหรือน้อย หลังการตื่นนอนทำความสะอาดปรกติ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณริมฝีปาก ดวงตา และจมูก
-ไม่ควรปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์
-ไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
ทิ้งภาชนะบรรจุยาทันทีที่ใช้ยาเสร็จ ส่วนที่เหลือไม่ควรเก็บเพื่อนำมาใช้ต่อ




สนใจสอบถามและสั่งซื้อยา ID:ald.21